วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บ้านแห่งอิสลาม : น้ำมันไม่ใช่ทรัพยากรที่แสนสิรินักสำหรับโลกอาหรับ

น้ำมัน ไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็นการลงทุนง่ายๆ ที่ทำให้เชื่อยชา
และนำความล้มเหลวของโลกอาหรับมุสลิม 






1,400 กว่าปีที่แล้ว โลกอาหรับนั้นกักขระ หยาบช้า ป่าเถื่อน , แต่เมื่อทันทีที่ชายที่ชื่อมูฮัมหมัด บินอับดุลเลาะห์ หรือที่ถูกเรียกในปัจจุบันว่า นบีมูฮัมหมัด และสาวก ได้รวบรวมอาราเบียเป็นปึกแผ่น  , โลกอาหรับกลายเป็นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาสามารถยึดดินแดน (หรือพูดอีกอย่างคือปลดแอกดินแดนนั้นๆจากผู้นำเผด็จการ) .... การยึดดินแดนในสมัยนั้น คือการไปบอกประชาชนว่า ผู้นำของพวกท่านมันเลว(กว่าเรา) มันตั้งตนเป็นพระเจ้าและให้เศษเนื้อแก่ท่าน จงมารวมกับเรา ถ้าพวกท่านเป็นมุสลิม พวกเราคือเรือนร่างเดียวกัน อยู่ในบ้านมุสลิมด้วยกัน ... จึงไม่ยากเลยที่อาณาจักรอิสลามจะล้มอาณาจักรเปอร์เซียและโรมันตะวันออกได้สำเร็จ

++ความรุ่งเรืองของอาณาจักร
ต้องลงทุนในความรู้ ไม่ใช่ น้ำมัน
ความรุ่งเรืองก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งความรู้ วิชาการแพทย์ เคมี ชีวะ การค้า รวมอยู่ที่อาณาจักรนี้ มีแบกแดด และอัลดาลูส (สเปน) เป็นศูนย์กลางโลก ... พวกยุโรปต้องมาเรียนอาหรับ สิริรวมก็หลายร้อยปี ใช้เลขอาระบิก แปลตำราจากแขกอาหรับเป็นภาษาลาติน พวกคำว่า อัลกอลึทึ่ม เคมิสที ก็เป็นคำจากโลกมุสลิม อิบนุ ซีนา หรือที่ชาวยุโรปเรียกันว่า เอวิเซ็นนา(Avicenna) คือบิดาการแพทย์แผนปัจจุบัน ... ในศตวรรษที่ 7 โลกมุสลิมถึงจุดสูงสุด คนทั่วโลกอยากไปลิ้มรสแสงสีในเมืองแบกแดดสักครั้งในชีวิต

++
แต่ทำไม 1.4 พันปีต่อมา โลกอาหลับ มันจะกลับไปสู่จุดเสื่อมนั้นอีกครั้ง , เมื่อน้ำมันเป็นทรัพยากรต้นน้ำของอุตสาหกรรมทั้งโลก ... ทำไมคนที่คุมต้นน้ำนี้ จึงไม่ได้อะไรนอกจากเปลือกสวยๆ และความเฉยชาน้ำมันเป็นเพียงสินเชื่อ ที่ต้องนำมาลงทุนเพื่อสร้างดอกผลที่ยั่งยืนและแท้จริง , นั่นคือความเจริญจากภายในของชาวอาหรับ ทั้งทางโลกและทางศาสนา , ระบบความรู้ ระบบเศรษฐกิจ การเมือง ต้องแพร่ไปสู่คนทุกชนชั้นของอาหรับ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าหากอาหรับหากินจากน้ำมันไปวันๆ สักวันหนึ่ง อาหรับจะได้เห็นความอ่อนแอของตนอย่างแท้จริง และจะไม่สามารถต่อสู้กับใครเขาได้เลย


                           

http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2012/05/R12125817/R12125817.html



ความล้มเหลวของโลกอาหรับมุสลิม และสาเหตุ :
หลังจากยุคคอลิฟะห์( คอลิป ,กาหลิบ) ทั้ง 4 จบลงด้วยการที่เรียกว่า "อำนาจรัฐประหาร"โดยมุอาวิยะ ก่อตั้งราชวงค์ "อูมัยยะห์" ตามด้วย"อับาสิยะห์" "ฟาติมิยะห์" จนถึง"อุสมานิยะห์"(ออตโตมาน) โลกมุสลิมเผชิญความรุ่งโรจน์และตกต่ำ
และจนถึงการแตกกระจายของอาณาจักร จนถึงการครองอำนาจของราชวงค์"อัลซาอูด" ที่1 ที่2 ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดี้อาราเบีย ... และเผยแผ่แนวคิดอิสลามที่ถูกเรียกว่า วาฮะบีย์เช่นปัจจุบัน ที่เริ่มต้นจากความรุนแรง และมีความรุนแรงแข็งกร้าวแฝงเร้นอยู่ .... โลกมุสลิมไม่เคยพ้นภัยจาก"เจว็ด"

++
ปัจจุบัน แม้ธงของซาอุดิอาระเบีย ใจกลางของบ้านแห่งอิสลาม ที่ตั้งของบ้านแห่งพระเจ้า(บัยตุลเลาะห์  หรือกะบะห์) จะเขียนว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเอกองค์ และมูฮัมหมัดคือศาสนทูตของพระองค์" .... แต่ทว่า ในแนวทางการกำหนดชีวิต (การเมือง) โลกมุสลิมไม่ได้เผชิญหน้าเฉพาะแต่ศัตรูนอกศาสนา อย่างยิวหรือคริสต์ แต่ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด แผงเร้นอยู่ในหัวหน้ารัฐบาลของพวกเขา ที่ดำรงตนเป็นเจว็ดเสียเอง และไม่สามารถสร้างระบบการเมือง ที่จะทำให้มุสลิม 1.6 พันล้านคนแข็งแกร่งได้ ....

ข้อนี้ต่างจากยิว ที่แม้จะมีเพียง 6-14 ล้านคน แต่พวกเขาสามารถครองอำนาจทางการเมืองโลกได้อยู่หมัด ... ทำไม ? 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น