วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บ้านแห่งอิสลาม : น้ำมันไม่ใช่ทรัพยากรที่แสนสิรินักสำหรับโลกอาหรับ

น้ำมัน ไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็นการลงทุนง่ายๆ ที่ทำให้เชื่อยชา
และนำความล้มเหลวของโลกอาหรับมุสลิม 






1,400 กว่าปีที่แล้ว โลกอาหรับนั้นกักขระ หยาบช้า ป่าเถื่อน , แต่เมื่อทันทีที่ชายที่ชื่อมูฮัมหมัด บินอับดุลเลาะห์ หรือที่ถูกเรียกในปัจจุบันว่า นบีมูฮัมหมัด และสาวก ได้รวบรวมอาราเบียเป็นปึกแผ่น  , โลกอาหรับกลายเป็นหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาสามารถยึดดินแดน (หรือพูดอีกอย่างคือปลดแอกดินแดนนั้นๆจากผู้นำเผด็จการ) .... การยึดดินแดนในสมัยนั้น คือการไปบอกประชาชนว่า ผู้นำของพวกท่านมันเลว(กว่าเรา) มันตั้งตนเป็นพระเจ้าและให้เศษเนื้อแก่ท่าน จงมารวมกับเรา ถ้าพวกท่านเป็นมุสลิม พวกเราคือเรือนร่างเดียวกัน อยู่ในบ้านมุสลิมด้วยกัน ... จึงไม่ยากเลยที่อาณาจักรอิสลามจะล้มอาณาจักรเปอร์เซียและโรมันตะวันออกได้สำเร็จ

++ความรุ่งเรืองของอาณาจักร
ต้องลงทุนในความรู้ ไม่ใช่ น้ำมัน
ความรุ่งเรืองก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งความรู้ วิชาการแพทย์ เคมี ชีวะ การค้า รวมอยู่ที่อาณาจักรนี้ มีแบกแดด และอัลดาลูส (สเปน) เป็นศูนย์กลางโลก ... พวกยุโรปต้องมาเรียนอาหรับ สิริรวมก็หลายร้อยปี ใช้เลขอาระบิก แปลตำราจากแขกอาหรับเป็นภาษาลาติน พวกคำว่า อัลกอลึทึ่ม เคมิสที ก็เป็นคำจากโลกมุสลิม อิบนุ ซีนา หรือที่ชาวยุโรปเรียกันว่า เอวิเซ็นนา(Avicenna) คือบิดาการแพทย์แผนปัจจุบัน ... ในศตวรรษที่ 7 โลกมุสลิมถึงจุดสูงสุด คนทั่วโลกอยากไปลิ้มรสแสงสีในเมืองแบกแดดสักครั้งในชีวิต

++
แต่ทำไม 1.4 พันปีต่อมา โลกอาหลับ มันจะกลับไปสู่จุดเสื่อมนั้นอีกครั้ง , เมื่อน้ำมันเป็นทรัพยากรต้นน้ำของอุตสาหกรรมทั้งโลก ... ทำไมคนที่คุมต้นน้ำนี้ จึงไม่ได้อะไรนอกจากเปลือกสวยๆ และความเฉยชาน้ำมันเป็นเพียงสินเชื่อ ที่ต้องนำมาลงทุนเพื่อสร้างดอกผลที่ยั่งยืนและแท้จริง , นั่นคือความเจริญจากภายในของชาวอาหรับ ทั้งทางโลกและทางศาสนา , ระบบความรู้ ระบบเศรษฐกิจ การเมือง ต้องแพร่ไปสู่คนทุกชนชั้นของอาหรับ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าหากอาหรับหากินจากน้ำมันไปวันๆ สักวันหนึ่ง อาหรับจะได้เห็นความอ่อนแอของตนอย่างแท้จริง และจะไม่สามารถต่อสู้กับใครเขาได้เลย


                           

http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2012/05/R12125817/R12125817.html



ความล้มเหลวของโลกอาหรับมุสลิม และสาเหตุ :
หลังจากยุคคอลิฟะห์( คอลิป ,กาหลิบ) ทั้ง 4 จบลงด้วยการที่เรียกว่า "อำนาจรัฐประหาร"โดยมุอาวิยะ ก่อตั้งราชวงค์ "อูมัยยะห์" ตามด้วย"อับาสิยะห์" "ฟาติมิยะห์" จนถึง"อุสมานิยะห์"(ออตโตมาน) โลกมุสลิมเผชิญความรุ่งโรจน์และตกต่ำ
และจนถึงการแตกกระจายของอาณาจักร จนถึงการครองอำนาจของราชวงค์"อัลซาอูด" ที่1 ที่2 ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดี้อาราเบีย ... และเผยแผ่แนวคิดอิสลามที่ถูกเรียกว่า วาฮะบีย์เช่นปัจจุบัน ที่เริ่มต้นจากความรุนแรง และมีความรุนแรงแข็งกร้าวแฝงเร้นอยู่ .... โลกมุสลิมไม่เคยพ้นภัยจาก"เจว็ด"

++
ปัจจุบัน แม้ธงของซาอุดิอาระเบีย ใจกลางของบ้านแห่งอิสลาม ที่ตั้งของบ้านแห่งพระเจ้า(บัยตุลเลาะห์  หรือกะบะห์) จะเขียนว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเอกองค์ และมูฮัมหมัดคือศาสนทูตของพระองค์" .... แต่ทว่า ในแนวทางการกำหนดชีวิต (การเมือง) โลกมุสลิมไม่ได้เผชิญหน้าเฉพาะแต่ศัตรูนอกศาสนา อย่างยิวหรือคริสต์ แต่ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด แผงเร้นอยู่ในหัวหน้ารัฐบาลของพวกเขา ที่ดำรงตนเป็นเจว็ดเสียเอง และไม่สามารถสร้างระบบการเมือง ที่จะทำให้มุสลิม 1.6 พันล้านคนแข็งแกร่งได้ ....

ข้อนี้ต่างจากยิว ที่แม้จะมีเพียง 6-14 ล้านคน แต่พวกเขาสามารถครองอำนาจทางการเมืองโลกได้อยู่หมัด ... ทำไม ? 



วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ธนาคารใบโพธิ์ ร่วม สจล. แถลงจุดยืนเร่งหาคนโกงเงินฝากประจำ สจล.


  ตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อเนื่องกรณีการทุจริตบัญชีเงินฝากของ สจล. หรือสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ฝากไว้กับธนาคารใบโพธิ์ ไทยพาณิชย์ ในการนี้สถาบันหลักที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้มีการหารือร่วมกันและจัดแถลงข่าวในวันนี้ เพื่อแสดงจุดยืนของแต่ละสถาบัน ตลอดจนประกาศให้ทราบถึงความร่วมมือระหว่างสองสถาบันในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดกรณีทุจริต


 


news-130258-1.jpg

         ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าว ว่า “จากการที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ร้องขอข้อมูล เอกสาร หลักฐาน ในการดำเนินธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) อันจะเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่ได้ลักทรัพย์ของ สจล. ไป เป็นจำนวนเงินราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งสร้างความเสียหายทางด้านการเงินต่อ สจล. อย่างมาก ที่ผ่านมายังคงมีความล่าช้าในการจัดส่งเอกสารตามที่ สจล. ร้องขอ ในครั้งนี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ตกลงจะนำส่งเอกสารต่างๆ เพิ่มเติมให้แก่ทาง สจล. ให้ครบถ้วน”

          รศ. ดร.จำรูญ เล้าสินวัฒนา รักษาการแทนรองอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “ทางธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตกลงที่จะส่งเอกสารเพิ่มเติมให้แก่ทาง สจล. มีรายละเอียดดังนี้
          1. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะนำส่งเอกสาร หลักฐาน จำนวน 8 รายการ ใน 3 บัญชีหลักของสาขาบิ๊กซี สุวินทวงศ์ โดยให้ทยอยนำส่งให้ครบทุกรายการ ภายในวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558
          2. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะนำส่งเอกสาร หลักฐาน ในส่วนที่ยังขาดอีก 31 รายการ ในอีก 5 บัญชี โดยให้ทยอยนำส่งให้ครบทุกรายการ ภายในวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558
          3. เอกสารที่ สจล. ร้องขอจำนวนรวม 68 รายการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้ สจล. และจัดส่งเอกสารต้นฉบับให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม
          สจล. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ด้วยดี เพื่อให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม สามารถดำเนินการสืบสวน สอบสวนตามขั้นตอน เพื่อหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป และนำเงินกลับคืนสู่ สจล. โดยเร็ว”


         ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธาน MD ธนาคารใบโพธิ์
 กล่าวว่า “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในนามของธนาคารผมขอยืนยันว่า ตลอดมาธนาคารยึดมั่นในการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่ประนีประนอมกับเรื่องทุจริต สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นธนาคารมิได้นิ่งนอนใจ ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยได้แต่งตั้ง นางวัลลยา แก้วรุ่งเรือง รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกฎหมาย เป็นหัวหน้าคณะทำงานและเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการสื่อสารตลอดจนเป็นผู้ให้ ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความ โปร่งใสในการตรวจสอบ ซึ่งธนาคารเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า และเมื่อประกอบกับผลการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากได้ข้อสรุปว่าพนักงานของธนาคารมีส่วนร่วมในการทำทุจริตหรือบกพร่องจนก่อให้เกิดความ เสียหาย ธนาคารใบโพธิ์ก็พร้อมรับผิดชอบตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

         นอกจากนี้ แบงค์ใบโพธิ์ยังได้ออกมาตรการเพิ่มเติมในระบบการปฏิบัติงานให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ตามที่ได้ประกาศไปแล้ว ได้แก่ การลดอำนาจอนุมัติของสาขาในรายการเงินสดและเงินโอนมาไว้ที่ส่วนกลาง และจะได้มีการออกมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมการปฏิบัติงานสาขาและ ระบบงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในลำดับต่อไป”



สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และแบงค์ใบโพธิ์ (ธนาคารไทยพาณิชย์) ขอยืนยันในการให้ความร่วมมือกันในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีทุจริต ที่เกิดขึ้น



ความเข้าใจผิดในองค์ประกอบ : การซื้อของ และการออม

ความเข้าใจผิดในองค์ประกอบ
ในการซื้อของ และการออม ต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ในต้นปี 2012 เป็นปีที่ผมใช้ชีวิตแบบเก่า (เสื้อผ้าไม่ซื้อ ใช้ของจนวาระสุดท้าย) , รองเท้าของผมเก่ามากแล้ว หัวเปิด พื้นทะลุด (เอาถุงก็อปแก็ปมายัดเพื่อกันน้ำ) ... เงินมี แต่ไม่ใช้ และไม่คิดว่าจำเป็นต้อนใช้ (, แต่ในที่สุด มันก็ไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องไปเปลี่ยนรองเท้า สิ้นสุดความอนาจ , นี่คือนิสัยประหยัดแบบหนึ่ง

ภาพ : 1 APR 2012

++

ในเศรษฐกิจมหภาค , มันมีข้อหนึ่งที่เขาสอนไว้ก่อน คือ Fallacy of Composition (ความจริงในส่วนย่อย ไม่ได้หมายความว่าจะจริงในส่วนใหญ่) , ตัวอย่างที่เขานิยมสอนกันคือเรื่องของความประหยัด , เช่น คนมักคิดว่าการออมประหยัดแล้วจะรวย .. แต่ในมหภาค ลองคิดภาพตามว่ามีคนนิสัยเหมือนผม(ตอนนั้น)สัก 40 ล้านคนสิ , เสื้อผ้าไม่ซื้อใหม่ รองเท้าไม่ซื้อ ร้านอาหารไม่กิน เที่ยวไม่เที่ยว , มีเก็บก็เก็บออม สะสมเงินในบัญชีเงินฝากอย่างเดียว ถามว่าภาคการผลิต โรงงาน ร้านค้า จะผลิตและจ้างงานได้หรือเปล่า ? ผลิตรองเท้า ก็ไม่มีคนซื้อ ร้านอาหารก็ไม่มีคนเข้า เสื้อผ้าก็ไม่เปลี่ยน มือถือไม่เปลืยน สุดท้ายเศรษฐกิจจะชงัก และเจ๊งกันทั้งระบบ ธนาคารก็จะพยายามลดตราดอกเบี้ยเพื่อให้คนกู้เงินไปลงทุน เพิ่มการให้สินเชื่อ เพื่อกระตุ้นให้คนอยากใช้จ่าย (ดาวน์ ผ่อน เพื่อบริโภค)


++
บางคนบอกว่า ก็ดี อยู่อย่างพอเพียงไปวันๆ
แต่อย่าลืมครับ แรงงานที่มีความสมารถ เช่น หมอเก่งๆ วิศวะเก่งๆ นักคิดนักทำเก่งๆ เขาจะไหลออกนอกประเทศ(เว้นแต่จะปิดประเทศไม่ให้ออก) เพื่อไหลไปสุูประเทศที่เศรษฐกิจโตกว่า รวยกว่า พัฒนาก้าวหน้ามากกว่า , และสุดท้ายประเทศที่ไม่มีการเจริญเติบโต ก็เหมือนคนที่เลือดไหลไม่หยุด คนเก่งๆในประเทศไม่เหลือ การแพทย์ สิ่งประดิษฐ ก็ไม่พัฒนา ความอ่อนแอของประเทศก็มีมากขึ้นๆ และอาจนำมาสู่ความเสื่อมในทุกๆมิติ นั่นเอง


----


บ่อยครั้งที่ผมใช้เหตุผลนี้กล่อมตัวเองให้ใช้เงินนะ บอกตัวเองว่าถอนเงินจากเงินฝากประจำมากระตุ้นเศรษฐกิจหน่อย แต่ตอนนี้คิดว่าใช้มากพอแล้ว , ประหยัดแบบเดิม ผมก็อยู่สบายดี , การใช้เงินนะ ใช้ได้ ใช้มากๆเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าคิดว่าใช้แล้วจะได้ผลที่ดีกลับมาในอนาคต , อย่างผมจะเสียเงินมากกับโปรตีน หรือบางคนก็เสียเงินไปกับการศึกษา การลงทุน หรือใช้จ่ายความสุขที่ให้แรงบัลดาลใจจริงๆ (ไม่ใช่เพราะเห่อ ฟุ่งเฟ้อตามกระแส) การใช้จ่ายแบบนี้ คือการเติบโตที่มั่นคงกว่าครับ



นาฬิกาข้อมือ กับการลงทุนด้านภาพลักษณ์ สำหรับอาชีพต่างๆกัน

คุยเรื่องเบา ๆ เกี่ยวกับนาฬิกา  
: บอกเวลา แสดงฐานะ หรือเครื่องมือการันตี

นาฬิกาแพงๆ เช่น Rolex มีผลไม่เท่ากันในคนที่มีอาชีพต่างกัน , เพราะนาฬิกาในฐานะหนึ่ง มันคือ"เครื่องการันตี" ...การันตีอะไรบ้าง ? ก็เช่น ความสามารถไง อาชีพบางอาชีพ อย่างเช่น ทนายความ จำเป็นที่จะต้องใช้ของดีๆ เพราะของดีๆ = ทนายคนนั้นรวย และทนายรวยเพราะอะไร ? คำตอบคือก็เพราะ'ว่าความเก่ง' ดังนั้น ทนายใส่นาฬิกาแพง = ทนายรวย = ทนายว่าความเก่ง สรุปสมการ ทนายใส่นาฬิกาแพง = ทนายเก่ง ... เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า งานบางงาน ต้องมีของพวกนี้เป็นเครื่องเสริมความน่าเชื่อถือ และมันจะเป็นเครื่องมือทางอาชีพอย่างหนึ่ง พวกเขาก็สมควรซื้อมัน ถ้าไม่เดือดร้อนอะไร

++
แต่บางอาชีพ มันก็ไม่จำเป็นนะ เช่น เป็นอาจารย์ , อาจารย์ที่จะสอนเก่ง หรือมีงานวิจัยเก่งๆ ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์คนนั้นรวย , อาจารย์จะใส่ของถูกๆก็ไม่มีใครว่า แต่ขอให้สอนรู้เรื่อง พูดจาฉลาด มีเหตุมีผล หรือมีงานวิจัยดีๆ เท่านั้นพอแล้ว ในทางกลับกันอาจารย์ที่ใส่ของแพง อาจหมายถึง อาจารย์คนนั้นเปิดคอร์สหาเงิน กวดวิชา อะไรแบบนั้น และมันไม่ได้สะท้อนความสามารถเชิงวิชาการที่แท้จริง

++
หรืออย่างล่าสุด ผมสอนน้องผมที่กำลังจะเรียนจบหมอว่า , อยากใช้ของแพงๆ อย่างพวกหลุยส์ พวก Rolex ก็ได้ , แต่ก็จำไว้ว่า การเป็นหมอนั้น ไม่จำเป็นต้องได้"การรับรอง"จากของพวกนี้ , คนเป็นหมอจะใส่โรเล็กซ์ก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ถ้าจะใส่ของถูกๆก็ยิ่งน่าชื่นชม เพราะคนจะรู้ว่าหมอที่อุทิศตัวทำงานให้ประชาชนจริงๆ ไม่จำเป็นต้องไปทำงานเอกชนรับเงินแพงๆ หรือเปิดคลินิก อะไรแบบนั้น , แต่พี่อยากให้น้อง ใช้เวลาและทุ่มเทผลักดันความก้าวหน้าทางนวัตกรรมการรักษา อะไรแบบนั้นมากกว่า 


++
หรืออย่างคนดังมากๆ อย่างสตีฟ จ็อบ วอร์เรน บัพเฟต หรือดาราระดับโลก อะไรทำนองนี้ ที่คนทั้งโลกรู้จัก , เขาจะใส่ของแพงมากๆ ใส่นาฬิกา patek หรือ ก็ไม่แปลก แต่จะใช้ของถูกๆ ก็ไม่แปลกอีก ถ้าสตีฟ จ็อบจะใส่นาฬิกาเรือนละ 700 บาท สตีฟก็ยังเป็นสตีฟ ความน่าเชื่อถือ ความน่าชื่นชม หรือชื่อเสียงก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง 







++
มุมมองด้านการลงทุน
อย่างไรก็ดี ก็มีอีกกรณี ที่นาฬิกาแพงๆจะมีประโยชน์มากกว่านั้น นั่นคือ การได้มาเพื่อเป็นสินทรัพย์ (เช่น ซื้อมา 100 แต่ขายได้ 300 ) , นาฬิกาบางรุ่น บางยี่ห้อ โดยเฉพาะพวกลิมิเตด เอดิชั่นราคาอาจจะเรือนละ 3 ล้าน 15 ล้าน 50 ล้าน ก็ว่าไป , แต่ทว่า มันเป็นเหมือนทองคำนะครับ มันซื้อมา 100 ล้าน แต่ผ่านไป 20 ปี อาจจะขายได้ 300 ล้าน สมมุติเงินเฟ้อ 50% ก็ได้กำไรแล้ว 100 % จากต้นทุนซื้อ ,... แต่จะทำแบบนี้ได้ ต้องศึกษาดีๆ และมีสภาพคล่องมากพอนะ , แต่ก็ระวังความเสี่ยงด้วย เช่นถูกขโมย เป็นต้น

....
อย่างไรก็ดีโดยทั่วไป แบรนด์ที่แนะนำระดับเบื้องต้นคือโรเล็กซ์ (rolex) ... เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังโรเล็กซ์ ไม่ใช่แค่นาฬิกาที่คุณภาพดี แต่มันคือความเชื่อถือ อันมาจากการที่คนส่วนมากให้คุณค่ามัน โรเล็กซ์จึงเป็นเหมือนสกุลเงินหนึ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนได้(เมื่อขายต่อ) เช่น เราซื้อมา 4 แสน ใส่ไป 5 ปี เราอาจจะขายได้ที่ 3.5 แสน เท่ากับว่าเราซื้อมาจริงๆแค่ 5 หมื่นเอง เป็นต้น (แต่ต้องดูเป็นรุ่นไปๆนะ ไม่ใช่อ่านพอบทความนี้แล้วรีบไปซื้อเลย ...เจ๊งแล้วอย่ามาโทษกู)

www.scb.co.th/th/personal-banking/investment

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

LTF กองทุนรวมระยะยาว คืออะไร เลือกแบบไหนดี ?


LTF  คือการลงทุนชนิดหนึ่ง เหมือนกับการซื้อหุ้น
และรอให้มูลค่าของหุเนเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ จากจำนวนประชากรและความต้องการที่มากขึ้น



โดย LTF นั้นมี 3 แบบ
ผลตอบแทนและความเสี่ยงก็ต่างๆกันไป ดังนี้


1. Active Fund คือกองทุนที่ผู้จัดการจะทำหน้าที่เลือกหาหุ้นที่ดีที่สุด พื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกกว่าดัชนีหุ้นให้มากที่สุด 




2. Passive Fund ( Index Fund) คือกองทุนที่เลือกหุ้นที่มีสัดส่วนใกล้เคียงดัชนี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เท่าดัชนีหุ้นมากที่สุด
3. Balance Fund 70/30 เนื่องจากกองทุน LTF ต้องถือหุ้นอย่างน้อย 65% ของรอบบัญชี ดังนั้นยังไงก็ต้องรับความเสี่ยงจากหุ้นอยู่ดี กองทุนแบบ Balance Fund จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ซื้อ LTF ที่รับความเสี่ยงได้น้อย คือถือหุ้นแค่ 70% ของพอร์ตโดยส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้



แต่ทั้งนี้มันต่างจากหุ้นก็คือ LTF ที่เราซื้อนั้นเป็นการรวมจากหุ้นหลายๆตัว
เพื่อกระจายความเสี่ยง และเกิดจากการคัดเลือกของผู้เชี่ยวชาญ
ที่จะบริหารใกล้คุณ

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยงเสมอ
และเมื่อคุณซื้อกองทุนรวมไว้ คุณจะต้องถือมันอย่างน้อย 5 ปีปฎิทิน
รู้จัก LTF กันคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับเดี๋ยววันหลังจะมาพูดเรื่องวิธีการเลือกกองทุนรวมระยะยาวให้เหมาะสมกับแต่ละคน

www.scb.co.th/th/personal-banking/investment/funds/long-term-equity